เมื่อหลายๆคนเกิดอาการปวดท้องขึ้นมา สาเหตุที่หลายคนมักนึกถึงก่อนเลยนั่นก็คือ โรคกระเพาะ คงจะเป็นเพราะเรามักเห็นคนหลายคนที่เป็นโรงคนี้กนได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะจากการกินอาหารไม่ตรงเวลา หรือการอดอาหาร และอีกหลายสาเหตุ
เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาลองทำความรู้จักกับโรคนี้ให้ดียิ่งขึ้นไปอีกดีกว่าค่ะ เพื่อให้เราสามาระระบุง่ายๆได้ด้วยตัวเองว่า เราเป็นโรคกระเพาะจริงหรือปล่าว และเราควรรักษาอย่างไรกัน
ปวดท้อง
หลายๆท่านเคยประสบพบเจอกับอาการปวดท้อง แสบท้อง หรือเจ็บจี๊ดๆ ปวดแน่น ปวดเกร็ง ปวดบีบ หรือปวดเบา ๆ ที่ท้องมา ไม่มากก็น้อย อาการปวดท้องเหล่านี้ มันได้แจ้งเตือนถึงปัญหาสุขภาพ ที่จะเกิดขึ้นกับรางกายเรา ไม่ใช่แค่จากการกินอาหารเท่านั้น
ทั่วไปแล้วอาการปวดท้องสามารถแบ่งตามบริเวณที่ปวดได้เป็น 2 ส่วน คือ
-
ปวดท้องส่วนบน เป็นการปวดบริเวณเหนือสะดือซึ่งเกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหาร ตับ ถุงน้ำดี ม้าม ตับอ่อน
-
ปวดท้องส่วนล่าง เป็นการปวดบริเวณต่ำกว่าสะดือซึ่งจะเกี่ยวข้องกับลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ไส้ติ่ง ไต มดลูกและปีกมดลูก เป็นต้น “เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้องเราต้องถามก่อนว่าปวดตรงไหน หรือเริ่มปวดจากตรงไหนก่อนเพื่อจะบอกได้ว่าเกี่ยวข้องกับอวัยวะส่วนใด จากนั้นแพทย์จะต้องวินิจฉัยอย่างรวดเร็วว่าเป็นการปวดจากสาเหตุใดเพื่อให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที”
ปวดแบบไหน คือโรคกระเพาะ
สำหรับโรคกระเพาะนั้น อาการที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย คือ ปวดจุก แสบ แน่นบริเวณเหนือสะดือกลางท้อง หรือตรงลิ้นปี่ หรืออาจจะเป็นการปวดแบบทันทีทันได หรือ ปวดบ่อยครั้งเรื้อรังไม่ยอมหาย
การปวดแบบทันทีทันได หรือ ปวดแบบเฉียบพลัน การปวดแบบนี้ต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจ เพราะสาเหตุของอาการปวดอาจจะ เกิดจากปัญหาอื่น ที่ไม่ใช่โรคกระเพาะ ตัวอย่างเช่น นิ่วในถุงน้ำดี หรือตับอ่อนอักเสบ
การปวดบ่อยครั้ง ปวดเรื้อรัง เป็นอาการปวดอยู่บ่อยๆ เดียวก็เป็น เดียวก็หาย เป็นเดือนๆ เป็นอาการที่เกิดจากการกินอาหาร เกิดตอนไม่ยอมทานอาหารตามเวลา ปวดแบบทนได้ เมื่อกินยาลดกรดแล้วดีขึ้น
โดยอาการแบบนี้จะเป็นอาการที่สามารถนำเอา Green Curmin หรือ curmamax มารักษาได้
แต่ไม่ว่าจะยังไง เมื่อปวดท้องอย่างหนัก หรือเกิดปัญหาภายในท้องของเรา เราก็ควรไปหาหมอเพื่อเช็คอาการให้แน่ใจก่อนนะคะ เพราะท่าหากอาการที่พบไม่ใช่การปวดกระะเพาะ แต่เป็นโรคร้ายแรงอื่นๆ เราจะได้รักษาได้ทันท่วงที และมีสุขภาพที่ดีขึ้น