fbpx

กระเพาะอาหาร ทำไมหาหมอแล้วไม่หาย

โรค กระเพาะอาหาร โรคที่หลายๆคนไม่อยากจะเจอเพราะเมื่อไหร่ที่เราเป็นโรคนี้ อาการก็มักจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเรื้อรัง สร้างความปวดร้าวภายในท้อง และยากที่จะทำการแก้ไขให้อาการหายดี และหลายๆ ท่านที่มีอาการปวดท้อง หรือเจ็บท้องก็มักจะอดทนเพราะคิดว่าอาการน่าจะหายไปเอง จนไม่ยอมไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการที่เกิดขึ้น ในบางครั้งอาการปวดท้องก็มักจะหายไปเองในเวลาต่อมา แต่ในหลายๆท่านมันก็กลับมาเกิดขึ้นอีกหลายๆครั้งอย่างต่อเนื่อง และส่งผลร้ายแรงหนักขึ้นเรื่อยๆจน กว่าจะไปพบแพทย์อาการก็เกิดขึ้นเรื้อรังยากต่อการรักษา และถึงแม้หลายๆ ท่านได้เข้าไปพบกับหมอเพื่อทำการรักษาแล้วก็ตาม แต่อาการที่เกิดขึ้นนั้นก็มักจะไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ซึ่งอาจจะทั้งเกิดจากการที่อาการที่เกิดขึ้นนั้นหนักเกินไปจนต้องใช้เวลาเพื่อทำการ แก้ไข ไปที่ระจุด หรือจะเนื่องมาจากการดำเนินชีวิต ที่ส่งผลให้อาการของโรคร้ายนั้นไม่ยอมหาย ไปตามการรักษาของแพทย์ หรือจะเป็นจากการที่ผู้รักษาหรือผู้ป่วยนั้นไม่ยอมปรับการใช้ชีวิตให้เหมาะสมตามการรักษาจนทำให้การรักษานั้นไม่เป็นผล เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาลองศึกษาดูกันดีกว่าว่า ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เราไม่หายจากอาการที่เกิดขึ้นนั้นซักที

อาการของโรค กระเพาะอาหาร

โรคกระเพาะ นั้น เป็นอาการที่เกิดจากแผลในกระเพาะอาหาร เพราะฉะนั้นจึงมีปัจจัยหลายปัจจัย ที่สามารถทำให้เกิดการเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้ ไม่ว่าจะเป็น จากเชื้อ h.pylori ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่มักจะทำให้เกิดอาการโรคกระเพาะ การทานอาหารไม่เป็นเวลา การทานอาหารรสจัด การดื่มสุรา หรือ กาแฟ น้ำอัดลม และยังมีอีกหลายสาเหตุปัจจัย

โรคกระเพาะ vs กรดไหลย้อน ความเหมือนที่แตกต่าง

ท่าพูดถึงโรคกระเพาะก็อาจจะทำให้เกิดความสับสนกันอยู่บ่อยๆกับ โรคกรดไหลย้อน เพราะโรคทั้งสองนั้นเป็นโรคที่เกิดขึ้นภายในระบบอาหาร แต่จริงๆแล้วอาการของทั้งสองโรคนั้น มีการแบ่งกันอย่างชัดเจน โดยโรคกระเพาะนั้นจะเป็นโรคที่เกิดขึ้นภายในกระเพาะอาหาร และมักเกิดจากการเกิดแผล หรือ อักเสบภายในกระเพาะอาหาร แต่โรคกรดไหลย้อนนั้นจะเป็นโรคที่เกิดจากกรด ที่มีการเกิดขึ้นบริเวณช่วงหลอดอาหาร หรือ ทางเดินอาหารนั่นเอง

การดูแลตัวเอง เพื่อให้หายจาก โรคกระเพาะ

เมื่อเกิดอาการปวดท้องอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือ แสบท้อง แล้วคาดว่าจะเป็น โรคกระเพาะอาหาร ให้เข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจสอบ และ วินิจฉัยอาการอย่างถูกต้อง เพราะโรคที่เกิดภายในระบบทางเดินอาหาร หรือ กระเพาะอาหารนั้น มีอยู่ด้วยกันหลายโรค นอกจากการเป็นโรคกระเพาะอาหารแล้วนั้น ก็สามารที่จะเกิดโรคที่มีความร้ายแรงอย่างเช่น มะเร็งในกระเพาะอาหาร ซึ่งท่าหากทำการรักษาไม่ทันเวลา ก็สามารถถึงแก่ชีวิตได้ หรือไม่สามารถรักษาได้จนกลายเป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตตามมา และนอกจากนั้น ก็อาจจะกลายเป็นโรค กรดไหลย้อน หรือ โรคอื่นๆ ซึ่งการเข้าไปพบเพทย์ เพื่อให้แพทย์ได้ทำการ วินิจฉัยโรคให้ จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

หลังจากที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารแน่นอนแล้ว หมอจะทำการจ่ายยามาให้ และ แนะนำวิธีการเบื้องต้น ในการรักษา สิ่งที่เราจะต้องทำการตรวจสอบคือหลังจากทำการดำเนินชีวิต ตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว อาการของ โรคกระเพาะของเรานั้น ดีขึ้นหรือไม่ เพราะการรักษานั้น ควรได้รับการติดตามผล ทั้งจากแพทย์ผู้ทำการรักษา และจากผู้ป่วยเอง ซึ่งจะทราบอาการดีที่สุด ท่าหากพบว่าอาการไม่ดีขึ้น ให้มาทำการตรวจสอบดูว่า การดำเนินชีวิตของเราจุดไหน ที่ส่งผลกระทบให้เกิดอาการโรคกระเพาะอาหาร

โดยหากเราไม่แก้การดำเนินชีวิตให้เข้าสู่วิธีการรักษาแล้วจะทำให้อาการนั้นหายช้า หรือหนักขึ้นกว่าเดิม การดำเนินชีวิตที่เหมาะสมกับการรักษาโรคกระเพาะนั้น ได้แก้

  • การไม่ทานอาหารรสจัด
  • ทานอาหารให้เป็นเวลา
  • หากอาการหนักให้ทานอาหารที่ไม่หนักมาก
  • ทานยาให้ตรงเวลา
  • งดสุรา กาแฟ และ น้ำอัดลม
  • งดสูบบุหรี่
  • ไม่ทานยารักษาโรคอื่นๆโดยไม่ปรึกษาหมอ เพราะยารักษาอาการบางโรคส่งผลกระทบกับกระเพาะโดยตรง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น หรืออาจจะทำให้เกิดแผลใหม่ขึ้นมา หรือเกิดการอักเสบในกระเพาะอาหารจนทำให้อาการหนักขึ้นมากกว่าเดิม
  • ทานอาหารว่าง หรือทานอาหารเล็กๆน้อยๆเบาๆเข้าไปตลอดทั้งวันเพื่อไม่ให้ท้องว่าง
  • พยายามอย่างสร้างความเครียด เพราะความเครียดจะทำให้กระเพาะหลังกรดออกมาในปริมาณมาก และจะทำให้อาการยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
  • ไม่ทานอาหารเข้าไปในปริมาณมากๆ

สาเหตุของการเกิดโรค

เกิดจากการติดเชื้อ เอช. ไพโลไร (h.pylori) เชื้อไพโลไรนั้นเป็นแบคทีเรียที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อโรคกระเพาะอาหาร เพราะเจ้าเชื้อโรคตัวนี้จะเข้าไปอาศัยอยู่ภายในกระเพาะอาหารของเรา และมันจะสร้างสารชนิดหนึ่งขึ้นมารอบตัวของมันเพื่อป้องกันตัวมันจากกรดในกระเพาะอาหาร โดยสารชนิดนี้นั้นจะมาทำลายเนื้อเยื้อที่ทำหน้าที่ป้องกันกระเพาะเราจากกรดที่หลั่งออกมา โดยแบคทีเรีย เอช ไพโลไรนั้นสามารถติดได้จากทั้งผู้ที่มีเชื้อนี้อยู่ในร่างกาย และติดจากการทานเข้าไปผ่านอาหารที่ปนเปื้อน หรือ ผ่าน ช้อนซ่อมที่ไม่สอาด และมีการปนเปื้อนของเชื่อ

เกิดจากการทานอาหาร ที่เป็นกรด หรือกระทบต่อกระเพาะ เช่น การทานน้ำอัดลมบ่อยๆ การทานอาหารรสจัด การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา

เกิดจากความเครียด ในบางครั้งความเครียดก็ไม่ได้ทำให้เราปวดหัวได้อย่างเดียว แต่ยังทำให้เราปวดท้องอีกด้วย โดยเมื่อเราเกิดความเครียดขึ้น ร่างกายจะสร้างน้ำย่อยออกมาในประมาณมาก และเมื่อเกิดขึ้นบ่อยก็จะทำให้เรากลายเป็นโรคกระเพาะอาหารได้

การทานอาหารไม่ตรงเวลา สาเหตุนี้เป็นสาเหตุที่ทุกคนต่างรู้ดี เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราปล่อยให้ร่างกายหิว ร่างกายจะทำการปล่อยน้ำย่อยออกมาจนแสบท้องทุกครั้ง การปล่อยน้ำย่อยออกมาแต่ไม่มีอะไรไปคอยรองรับนั้น จะทำให้น้ำย่อยค่อยๆกัดกระเพาะจนบาง และเมื่อกระเพาะบางลงจนไม่สามารถป้องกันไว้ได้มันก็จะกลายเป็นแผล และกลายเป็นโรคกระเพาะตามมา

โรคที่ควรระวัง

โรคกระเพาะนั้นเป็นโรคที่ยังสามารถทำการรักษาได้ แต่การปล่อยเอาไว้เป็นเวลานาน หรือการปล่อยให้อาการเกิดขึ้นเรื้อรังนั้นไม่ใช่เรื่องดี เพราะสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นตามมานั้นไม่ใช่เรื่องดีเอาเสียเลย

มะเร็งในกระเพาะอาหาร

โรคกระเพาะนั้น เมื่อเกิดขึ้นอย่างผิดปกติเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องนั้น สามารถพัฒนากลายเป็นปัญหาใหญ่ที่รักษายากกว่าเดิมอย่าง มะเร็งในกระเพาะอาหารได้ โดยการป้องกันการเกิดมะเร็งที่ดีที่สุดนั่นก็คือการรีบทำการรักษาอาการให้หายดี และไม่ให้เกิดเรื้อรังขึ้นอีก

ตัวช่วยเพิ่มเติม

กล้วย

เมื่อเกิดความหิวขึ้นนอกมื้ออาหารสามารถทานกล้วยเข้าไปเพื่อช่วยลดความหิวได้ อีกทั้งกล้วยยังมียางซึ่งมีความสามารถในการฟื้นฟูแผลภายในกระเพาะอาหารอีกด้วย

ขมิ้นชัน

ยาขมิ้นชันนั้นเป็นสมุนไพรที่ได้รับการยอมรับมาตั้งแต่อดีตว่ามีความสามารถในการรักษาโรคมากมายหลากหลายโรค และหนึ่งในโรคที่ขมิ้นชันมีประสิทธิภาพในการรักษานั่นก็คือ โรค กระเพาะอาหาร แต่การจะหายาขมิ้นชันซักตัวมารับประทานจะต้องเช็คดูให้ดี เพราะขมิ้นชันนั้นมีความสามารถในการละลายน้ำต่ำ หากเลือกขมิ้นชันที่ไม่ได้มีการสกัดที่ดีพอก็จะทำให้ความสามารถในการรักษาโรคกระเพาะของเรานั้นไม่เต็มประสิทธิภาพตามไปด้วย

greencurmin

Green Curmin สมุนไพร นวัตกรรมใหม่ ชนะรางวัลระดับโลก สามารถรักษาและดูแล โรคกระเพาะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถละลายน้ำ และดูดซึมเข้าสู่กระเพาะได้สูงสุด ผ่านการรับรองโดยเวทีแข่งขันระดับโลกมาแล้ว

ขมิ้นชัน

โดยนอกจากขมิ้นชันแล้ว ยังประกอบไปด้วย สารสกัดจาก พริกไทยดำ ซึ่งมีงานวิจัยรองรับแล้วว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับขมิ้นชันให้สามารถรักษาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และบล็อคเคอรี่ซึ่งเข้าไปช้วยกำจัดเชื้อร้ายที่มีผลกระทบต่อการหายของโรคกระเพาะอาหารอย่างเชื้อ ไพโลไร ที่เป็นหนึ่งในปัญหาโดยตรงของโรคกระเพาะอาหาร

สนใจสามารถสอบถามได้ที่

LineId